Honda Griffon Scooter Gallery

Honda Griffon Scooter Gallery

Jesus Quotes for Dummies: "Turn the Other Cheek"

There is a famous quote from Jesus "If someone slaps you on the cheek, turn the other cheek". This is considered a "provocative" teaching, in that it tells us to deny our instinct of retaliation and revenge, and adopt a non-violent response. In this short teaching, Jesus not only tells us to not respond to violence with our own violence, but to even assist the aggressor by giving him (or her I suppose) the other cheek to slap.

The original Christians took Jesus' message to mean they should be non violent in their own lives. In the early years of Christianity, it was assumed that a true Christian could not even join the military. But as Christianity spread and became the official religion of the Roman Empire, obviously the interpretation had to adapt to the new situation.

Today, many who call themselves Christians no longer have problems with this teaching, because there are now many people to help them reinterpret it, and explain what Jesus really meant, and to tell them when this teaching does not apply. With these new explanations of Jesus' teaching, Christian TV evangelists support such things as pre-emptive war, torture of prisoners, political assassination, and the Israeli occupation of Palestine.

[the following may contain sarcasm, because in my opinion this "violent Christianity" is nothing more than pure hypocrisy]

I have decided to throw this question back to Jesus Himself, and get Him to clarify this potentially frustrating situation he left us with, in trying to honestly follow His teachings. Meanwhile, there are a bunch of legitimate ways that you can get around this requirement of turning the other cheek without feeling bad that you are not following Jesus's advice.

Here are a few situations that come to mind, that I want explained by Jesus Himself.

1. Say a bad man slaps your 2 year old daughter on the face. Should you tell her to turn the other cheek, or should you offer to let the bad man slap your cheek, or are you allowed to punch the bad man's lights out?

2. Say an orangutang (which is a monkey, not a human) slaps you on the cheek. Do you have to turn the other cheek if it's not even human or can you hit back. And if you can hit back against a monkey, than what about other men of different skin colour that I, as a racist Christian, consider non-human?

3. If a bad man tries to slap my cheek, but is so uncoordinated or feeble that he cannot do it with any force, should I assist him by slamming my cheek into his hand?

4. If my country is attacked, must the entire army stand around waiting to get slapped on the cheek and then after they are slapped, turn the other cheek and surrender?

5. Say a mass murderer is caught, tried and convicted. Must we let him go, and furthermore set him up with some new potential victims? Or can we go ahead and execute him. (humanely of course)

6. Say we have a suicide bomber in custody, and he knows there is a hidden atomic bomb set to go off in New York. Can we torture him to find out where it is? And if he doesn't talk with mere waterboarding, or if we're not sure he's telling the truth, can we go ahead with mutilation. And if we're not sure mutilating him worked, can we also mutilate his wife and children? Because after all, we're talking about millions of good Christian people dying in an atomic blast vs. one little case of torture.

So I guess that should give Jesus something to think about. Next time, maybe He won't be spouting off with his left wing pacifist BS before thinking it through. Or maybe God should just check with me first before delivering any more sermons from the mount.

Until Jesus gets back to me with some answers, I think it is pretty safe for the Judeo-Christian countries to continue the policy of pre-emptive war, where, just in case another country looks like it might one day want to attack us, we can bomb the crap out of them right now and put an end to it before it starts. And we can also carry on a policy of assassination of foreign leaders who look like they are not friendly, and may one day want to slap a tariff on the oil we are drilling on their land. (Are you listening, Hugo Chavez?)

More importantly, we can continue the policy of stealing land from Palestinians, and if any of them fight back, we can bomb and kill a hundred times as many in retaliation. And if any of the suicide bombing terrorists happen to hide near women and children instead of standing out in the open, we can just go ahead and kill all of them with a clear conscience. And if we catch any terrorists we can torture them till the cows come home.

But the best part of all this is that we are still Christians, and we can still boast that we are the peace loving ones, because after all it says right in the bible that Christians "Turn the other cheek". Isn't it great to be a Christian? We are saved from hell by our personal love of Jesus.


Some other thoughts

PRO
http://satyagrahaandahimsa.blogspot.com/2006/08/turn-other-cheek.html
CON
http://www.gac.20m.com/self-def.htm

INDEX
http://turntheothercheek.direction8.intelreviewnow.com/

Pictures: So many to choose from, this is a very controversial topic I guess
1. Game http://uncyclopedia.wikia.com/wiki/Halo
2. Wanna buy the T-Shirt? http://www.zazzle.com/dont_make_me_turn_the_other_cheek_tshirt-235522205793096742

ขิงแก่คึกดันบิ๊กไบค์เกิด...ค่ายจยย.ยักษ์ขยับลุย

รัฐบาลขิงแก่ได้ที หลังผลักดันอีโคคาร์สำเร็จ เตรียมผลักดันโครงการสนับสนุนไทย เป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ตั้งแต่ขนาดเครื่องยนต์ 500 ซีซีขึ้นไป หลังจากค่ายรถระดับนำของโลกจากอังกฤษ “ไทรอัมพ์” ตัดสินใจนำเม็ดเงินกว่า 3,500 ล้านบาท ลงทุนตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนและประกอบในไทย ที่จังหวัดระยอง

และแน่นอนแผนผลักดันดังกล่าว ย่อมต้องได้รับความสนใจจากค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันยึดตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กในไทยอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ประกาศรุกตลาดบิ๊กไบค์แล้ว โดย “ยามาฮ่า” ลุยแน่นอนปลายปีนี้ พร้อมลงทุนกว่า 15 ล้านบาท เปิดโชว์รูมรองรับโดยเฉพาะ ขณะที่เจ้าตลาด “ฮอนด้า” แม้จะยังสงวนท่าที แต่ก็รับกำลังศึกษาแผนนำผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ๆ รวมถึงบิ๊กไบค์ หรือสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่มาเสริมตลาดเช่นกัน
หลังจากรัฐบาลขิงแก่ภายใต้การนำของ “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” นายกรัฐมนตรี ได้ผลักดันโครงการรถประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ คลอดออกมาเป็นรูปเป็นร่าง และก็มีค่ายรถ “ฮอนด้า” เด้งรับลูกประกาศลงทุนไปแล้ว ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 6.2 พันล้านบาท และยังมีอีกหลายค่ายที่สนใจเช่นกัน เพียงแต่ต้องขอศึกษาตามกรอบเวลาที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ จึงยังไม่เปิดตัวออกมาชัดเจนเท่านั้น

โครงการอีโคคาร์จึงทำให้รัฐบาลขิงแก่ยิ้มแป้นทีเดียว และจะว่าไปแล้วถือเป็นผลงานชิ้นแรก ที่รัฐบาลขิงแก่ดำเนินการสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจนก็ว่าได้ นี่จึงทำให้รัฐบาลขิงแก่ดูเหมือนจะคึกคักสุดขีด และเตรียมผลักดันโครงการใหม่ออกมาเสียบต่ออีโคคาร์ทันที
โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม “โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์” เปิดเผยภายหลังจากการเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักรและอิตาลี่ ระหว่างวันที่ 25-29 กรกฏคมที่ผ่านมาว่า

จากการพูดคุยกับ นายจอห์น บลัวร์ ประธานบริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ อันดับ 7 ของโลก ภายใต้ชื่อยี่ห้อ “ไทรอัมพ์” ทราบว่าให้ความสนใจลงทุนในไทยเป็นมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ในการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนบิ๊กไบค์ และทำการประกอบ ที่จังหวัดระยอง โดยจะเริ่มผลิตเครื่องยนต์ในปี 2551 เป็นต้นไป

"จากการลงทุนของไทรอัมพ์ดังกล่าว ทำให้รัฐบาลสนใจที่จะขยายฐานการผลิตรถบิ๊กไบค์ เพื่อให้ครบวงจรมากขึ้น จากปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กที่สำคัญของโลกแล้ว โดยให้นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กำหนดแผนส่งเสริมการลงทนผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีขึ้นไป ซึ่งทั่วโลกมีความต้องการมากกว่า 100,000 คันต่อปี"

ส่วนการกำหนดรายละเอียดการส่งเสริมการลงทุนคล้ายกับการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถบิ๊กไบค์ของโลก และมั่นใจว่านอกเหนือจากไทรอัมพ์แล้ว ยังมีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในไทยอีก 2-3 ราย ที่จะให้ความสนใจนโยบายดังกล่าว คาดว่าแผนการส่งเสริมการลงทุนจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้

นั่นคือไอเดียบรรเจิดของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ซึ่งกลับมามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ภายหลังจากผลักดันโครงการอีโคคาร์แจ้งเกิดสำเร็จ และจะว่าไปแล้วโอกาสผลักดันโครงการบิ๊กไบค์ให้สำเร็จ ดูจะง่ายกว่าอีโคคาร์เสียด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ปริมาณตลาดรถบิ๊กไบค์ในไทยเองก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก การที่ไทรอัมพ์มาลงทุนผลิตชิ้นส่วนและประกอบในไทย คงน่าจะมาจากเรื่องของอัตราค่าแรงของไทยไม่สูงมาก ขณะที่ศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนอยู่ในระดับมาตรฐานสากลอยู่แล้ว การมาตั้งโรงงานในไทยจึงมุ่งที่การส่งออกมากกว่า การชิงหักเหลี่ยมโหดของค่ายรถจักรยานยนต์เจ้าเก่าและเจ้าใหม่ จึงไม่น่าจะรุนแรงมากเหมือนกับรถยนต์ ยิ่งเมื่อรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษคล้ายกับอีโคคาร์ จึงน่าจะทำให้แต่ละค่ายตอบรับด้วยดี

ในส่วนของไทรอัมพ์เป็นบิ๊กไบค์ที่เพิ่งเข้ามารุกตลาดไทยอย่างจริงจัง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากมีการชิมลางมาได้ระยะหนึ่ง ด้วยการแต่งตั้งบริษัท บริทไบค์ จำกัด ภายใต้การนำของพระเอกร่างบึก “ดอม เหตระกูล” และเพื่อนๆ เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย

สำหรับระยะแรกนี้บริทไบค์จะนำเข้าบิ๊กไบค์ไทรอัมพ์มาทำตลาดก่อน โดยในการเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ ได้ประกาศจะนำเข้ารถมาทำตลาดในไทยทั้งสิ้น 12 รุ่น ครอบคลุม 3 สไตล์ การขับขี่ของผู้บริโภค ได้แก่ รถแบบโมเดิร์น คลาสสิค ซึ่งขับขี่ง่ายมีรุ่น Bonneville, Bonneville T100, Scramble และ Thruxton อีกแบบรถสปอร์ต เช่นรุ่น Daytona 675, Speed Triple, Sprint ST และ Tiger 1050 และสุดท้ายแบบครุยเซอร์ไลน์ซุปเปอร์เดินทางไกล อาทิ America, Speed Master, Rocket 3 และ Rocket 3 Classic

โดยบิ๊กไบค์ไทรอัมพ์ที่นำเข้ามาจำหน่าย จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่คันละ 5 แสนบาท ไปจนถึง 1.2 ล้านบาท โดยบริทไบค์ รับประกัน 2 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยในส่วนของเครือข่ายนอกจากในกรุงเทพฯ ภายในสิ้นปีนี้เตรียมจะขยายครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยาด้วย

ต่อไปนี้คงต้องจับตาบิ๊กไบค์ยี่ห้อนี้ให้ดี แม้ปัจจุบันชื่อเสียงไทรอัมพ์ในเมืองไทย จะรู้จักกันเพียงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่หากรัฐบาลขิงแก่ผลักดันและให้การสนับสนุนบิ๊กไบค์กรณีพิเศษสำเร็จ เชื่อว่าไทรอัมพ์จะประกาศศักดาแบรนด์รถระดับโลกให้ชาวไทยได้รับรู้กันมากกว่านี้แน่ๆ

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าบรรดาค่ายรถยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น จะปล่อยตลาดนี้ให้กับค่ายรถสัญชาติยุโรป อย่างไทรอัมพ์ที่กำลังเดินหน้าทั้งผลิตและขายในไทย หรือบีเอ็มดับเบิลยูที่ทำตลาดในไทยมาได้ระหนึ่งแล้ว เพราะบรรดารถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจรุกตลาดบิ๊กไบค์อย่างจริงจังเช่นกัน

เริ่มจาก “ยามาฮ่า” ที่ประกาศชัดเจนปีนี้ทำตลาดบิ๊กไบค์แน่นอน โดยในงานมอเตอร์โชว์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการนำบิ๊กไบค์ถึง 6 รุ่นมาเผยโฉมให้ลูกค้าได้ยลโฉม ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ ที่สำคัญได้ลงทุนเตรียมเปิดโชว์รูมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ที่บริเวณด้านหลังศูนย์การค้าเอสพลานาด บนถนนรัชดาภิเษก เพื่อรองรับการทำตลาดบิ๊กไบค์เพียงอย่างเดียว ขณะที่ต่างจังหวัดเล็งขยายไปที่เชียงใหม่ และพัทยา เช่นเดียวกับไทรอัมพ์เพราะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนมาก

“บิ๊กไบค์ยามาฮ่าที่จะนำมาจำหน่าย มีตั้งแต่ขนาด 400-1300 ซีซี ราคาเริ่มต้นที่ 2-3 แสนบาทขึ้นไป แม้ตลาดรถจักรยานยนต์ในไทยจะหดตัว แต่บิ๊กไบค์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถประเภทนี้พิเศษ ราคาจึงไม่เป็นอุปสรรค์แต่อย่างใด โดยช่วงแรกยามาฮ่าตั้งเป้าขายเดือนละประมาณ 20 คัน”

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด กล่าวและว่า โดยรถที่จะนำเข้ามาทำตลาดคาดว่าจะเป็นรุ่น Majesty 400 บิ๊กสกู๊ตเตอร์ขนาด 400 ซีซี รุ่น YZF-R1 บิ๊กไบค์ขนาด 998 ซีซี รุ่น YZF-R6 ซูเปอร์สปอร์ตจากสนามแข่ง 599 ซีซี รุ่น FZ1 Fazer ขนาด 998 ซีซี FZ6 เครื่องยนต์ 600 ซีซี และรุ่น FJR1300A ขนาดเครื่องยนต์ 1298 ซีซี

ส่วนค่ายยักษ์ใหญ่ “ฮอนด้า” แม้จะยังไม่เผยไต๋ชัดเจนนัก ประกอบกับยังไม่ทราบถึงไอเดียผลักดันให้มีการผลิตบิ๊กไบค์ในไทย โดยการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาลชิงแก่ แต่ก่อนหน้านี้ก็แย้มออกมาถึงความสนใจที่จะขยายผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ๆ สู่ตลาดในไทย ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กไบค์ หรือสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่

“หากมองสภาวะตลาดขณะนี้ บิกไบค์และสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ ยังถือเป็นรถเฉพาะกลุ่มอยู่ แต่อนาคตก็ย่อมต้องขยายตัวมากขึ้น ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ฮอนด้ากำลังศึกษาอยู่ ซึ่งในการเพิ่มไลน์สินค้าของฮอนด้า ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และแน่นอนก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาตลาดรถประเภทนี้เมื่อไหร่ ฮอนด้าก็พร้อมที่จะทำตลาดเช่นกัน” ชินโกะ คิมาตะ กรรมการบรหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัดกล่าว

จากความเคลื่อนไหวของสองค่ายยักษ์ใหญ่รถจักรยานยนต์ในไทย โดยเฉพาะยามาฮ่าที่มีความชัดเจนแน่นอน กับการทำตลาดบิ๊กไบค์ในไทย หรือฮอนด้าที่แม้ะยังตอบแบบสงวนท่าทีอยู่ แต่ก็ยืนยันพร้อมจะทำตลาดเช่นกัน หากตลาดมีความต้องการ

เหตุนี้เมื่อรัฐบาลขิงแก่ประกาศนโยบายชัดเจน ที่จะผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตบิ๊กไบค์ของโลก ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมเป็นกรณีพิเศษ เช่นเดียวกับอีโคคาร์ จึงน่าจะทำให้สองค่ายยักษ์ใหญ่ ที่มีโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ในไทยใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก พร้อมที่จะตอบรับทันทีเช่นกัน

เพิ่มเติม http://www.oknation.net

ขิงแก่คึกดันบิ๊กไบค์เกิด...ค่ายจยย.ยักษ์ขยับลุย

รัฐบาลขิงแก่ได้ที หลังผลักดันอีโคคาร์สำเร็จ เตรียมผลักดันโครงการสนับสนุนไทย เป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ตั้งแต่ขนาดเครื่องยนต์ 500 ซีซีขึ้นไป หลังจากค่ายรถระดับนำของโลกจากอังกฤษ “ไทรอัมพ์” ตัดสินใจนำเม็ดเงินกว่า 3,500 ล้านบาท ลงทุนตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนและประกอบในไทย ที่จังหวัดระยอง

และแน่นอนแผนผลักดันดังกล่าว ย่อมต้องได้รับความสนใจจากค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันยึดตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กในไทยอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ประกาศรุกตลาดบิ๊กไบค์แล้ว โดย “ยามาฮ่า” ลุยแน่นอนปลายปีนี้ พร้อมลงทุนกว่า 15 ล้านบาท เปิดโชว์รูมรองรับโดยเฉพาะ ขณะที่เจ้าตลาด “ฮอนด้า” แม้จะยังสงวนท่าที แต่ก็รับกำลังศึกษาแผนนำผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ๆ รวมถึงบิ๊กไบค์ หรือสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่มาเสริมตลาดเช่นกัน
หลังจากรัฐบาลขิงแก่ภายใต้การนำของ “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” นายกรัฐมนตรี ได้ผลักดันโครงการรถประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ คลอดออกมาเป็นรูปเป็นร่าง และก็มีค่ายรถ “ฮอนด้า” เด้งรับลูกประกาศลงทุนไปแล้ว ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 6.2 พันล้านบาท และยังมีอีกหลายค่ายที่สนใจเช่นกัน เพียงแต่ต้องขอศึกษาตามกรอบเวลาที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ จึงยังไม่เปิดตัวออกมาชัดเจนเท่านั้น

โครงการอีโคคาร์จึงทำให้รัฐบาลขิงแก่ยิ้มแป้นทีเดียว และจะว่าไปแล้วถือเป็นผลงานชิ้นแรก ที่รัฐบาลขิงแก่ดำเนินการสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจนก็ว่าได้ นี่จึงทำให้รัฐบาลขิงแก่ดูเหมือนจะคึกคักสุดขีด และเตรียมผลักดันโครงการใหม่ออกมาเสียบต่ออีโคคาร์ทันที
โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม “โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์” เปิดเผยภายหลังจากการเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักรและอิตาลี่ ระหว่างวันที่ 25-29 กรกฏคมที่ผ่านมาว่า

จากการพูดคุยกับ นายจอห์น บลัวร์ ประธานบริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ อันดับ 7 ของโลก ภายใต้ชื่อยี่ห้อ “ไทรอัมพ์” ทราบว่าให้ความสนใจลงทุนในไทยเป็นมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ในการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนบิ๊กไบค์ และทำการประกอบ ที่จังหวัดระยอง โดยจะเริ่มผลิตเครื่องยนต์ในปี 2551 เป็นต้นไป

"จากการลงทุนของไทรอัมพ์ดังกล่าว ทำให้รัฐบาลสนใจที่จะขยายฐานการผลิตรถบิ๊กไบค์ เพื่อให้ครบวงจรมากขึ้น จากปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กที่สำคัญของโลกแล้ว โดยให้นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กำหนดแผนส่งเสริมการลงทนผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีขึ้นไป ซึ่งทั่วโลกมีความต้องการมากกว่า 100,000 คันต่อปี"

ส่วนการกำหนดรายละเอียดการส่งเสริมการลงทุนคล้ายกับการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถบิ๊กไบค์ของโลก และมั่นใจว่านอกเหนือจากไทรอัมพ์แล้ว ยังมีผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในไทยอีก 2-3 ราย ที่จะให้ความสนใจนโยบายดังกล่าว คาดว่าแผนการส่งเสริมการลงทุนจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้

นั่นคือไอเดียบรรเจิดของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ซึ่งกลับมามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ภายหลังจากผลักดันโครงการอีโคคาร์แจ้งเกิดสำเร็จ และจะว่าไปแล้วโอกาสผลักดันโครงการบิ๊กไบค์ให้สำเร็จ ดูจะง่ายกว่าอีโคคาร์เสียด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ปริมาณตลาดรถบิ๊กไบค์ในไทยเองก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก การที่ไทรอัมพ์มาลงทุนผลิตชิ้นส่วนและประกอบในไทย คงน่าจะมาจากเรื่องของอัตราค่าแรงของไทยไม่สูงมาก ขณะที่ศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนอยู่ในระดับมาตรฐานสากลอยู่แล้ว การมาตั้งโรงงานในไทยจึงมุ่งที่การส่งออกมากกว่า การชิงหักเหลี่ยมโหดของค่ายรถจักรยานยนต์เจ้าเก่าและเจ้าใหม่ จึงไม่น่าจะรุนแรงมากเหมือนกับรถยนต์ ยิ่งเมื่อรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษคล้ายกับอีโคคาร์ จึงน่าจะทำให้แต่ละค่ายตอบรับด้วยดี

ในส่วนของไทรอัมพ์เป็นบิ๊กไบค์ที่เพิ่งเข้ามารุกตลาดไทยอย่างจริงจัง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากมีการชิมลางมาได้ระยะหนึ่ง ด้วยการแต่งตั้งบริษัท บริทไบค์ จำกัด ภายใต้การนำของพระเอกร่างบึก “ดอม เหตระกูล” และเพื่อนๆ เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย

สำหรับระยะแรกนี้บริทไบค์จะนำเข้าบิ๊กไบค์ไทรอัมพ์มาทำตลาดก่อน โดยในการเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ ได้ประกาศจะนำเข้ารถมาทำตลาดในไทยทั้งสิ้น 12 รุ่น ครอบคลุม 3 สไตล์ การขับขี่ของผู้บริโภค ได้แก่ รถแบบโมเดิร์น คลาสสิค ซึ่งขับขี่ง่ายมีรุ่น Bonneville, Bonneville T100, Scramble และ Thruxton อีกแบบรถสปอร์ต เช่นรุ่น Daytona 675, Speed Triple, Sprint ST และ Tiger 1050 และสุดท้ายแบบครุยเซอร์ไลน์ซุปเปอร์เดินทางไกล อาทิ America, Speed Master, Rocket 3 และ Rocket 3 Classic

โดยบิ๊กไบค์ไทรอัมพ์ที่นำเข้ามาจำหน่าย จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่คันละ 5 แสนบาท ไปจนถึง 1.2 ล้านบาท โดยบริทไบค์ รับประกัน 2 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยในส่วนของเครือข่ายนอกจากในกรุงเทพฯ ภายในสิ้นปีนี้เตรียมจะขยายครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยาด้วย

ต่อไปนี้คงต้องจับตาบิ๊กไบค์ยี่ห้อนี้ให้ดี แม้ปัจจุบันชื่อเสียงไทรอัมพ์ในเมืองไทย จะรู้จักกันเพียงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น แต่หากรัฐบาลขิงแก่ผลักดันและให้การสนับสนุนบิ๊กไบค์กรณีพิเศษสำเร็จ เชื่อว่าไทรอัมพ์จะประกาศศักดาแบรนด์รถระดับโลกให้ชาวไทยได้รับรู้กันมากกว่านี้แน่ๆ

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าบรรดาค่ายรถยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น จะปล่อยตลาดนี้ให้กับค่ายรถสัญชาติยุโรป อย่างไทรอัมพ์ที่กำลังเดินหน้าทั้งผลิตและขายในไทย หรือบีเอ็มดับเบิลยูที่ทำตลาดในไทยมาได้ระหนึ่งแล้ว เพราะบรรดารถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจรุกตลาดบิ๊กไบค์อย่างจริงจังเช่นกัน

เริ่มจาก “ยามาฮ่า” ที่ประกาศชัดเจนปีนี้ทำตลาดบิ๊กไบค์แน่นอน โดยในงานมอเตอร์โชว์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการนำบิ๊กไบค์ถึง 6 รุ่นมาเผยโฉมให้ลูกค้าได้ยลโฉม ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ ที่สำคัญได้ลงทุนเตรียมเปิดโชว์รูมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ที่บริเวณด้านหลังศูนย์การค้าเอสพลานาด บนถนนรัชดาภิเษก เพื่อรองรับการทำตลาดบิ๊กไบค์เพียงอย่างเดียว ขณะที่ต่างจังหวัดเล็งขยายไปที่เชียงใหม่ และพัทยา เช่นเดียวกับไทรอัมพ์เพราะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนมาก

“บิ๊กไบค์ยามาฮ่าที่จะนำมาจำหน่าย มีตั้งแต่ขนาด 400-1300 ซีซี ราคาเริ่มต้นที่ 2-3 แสนบาทขึ้นไป แม้ตลาดรถจักรยานยนต์ในไทยจะหดตัว แต่บิ๊กไบค์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถประเภทนี้พิเศษ ราคาจึงไม่เป็นอุปสรรค์แต่อย่างใด โดยช่วงแรกยามาฮ่าตั้งเป้าขายเดือนละประมาณ 20 คัน”

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด กล่าวและว่า โดยรถที่จะนำเข้ามาทำตลาดคาดว่าจะเป็นรุ่น Majesty 400 บิ๊กสกู๊ตเตอร์ขนาด 400 ซีซี รุ่น YZF-R1 บิ๊กไบค์ขนาด 998 ซีซี รุ่น YZF-R6 ซูเปอร์สปอร์ตจากสนามแข่ง 599 ซีซี รุ่น FZ1 Fazer ขนาด 998 ซีซี FZ6 เครื่องยนต์ 600 ซีซี และรุ่น FJR1300A ขนาดเครื่องยนต์ 1298 ซีซี

ส่วนค่ายยักษ์ใหญ่ “ฮอนด้า” แม้จะยังไม่เผยไต๋ชัดเจนนัก ประกอบกับยังไม่ทราบถึงไอเดียผลักดันให้มีการผลิตบิ๊กไบค์ในไทย โดยการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษจากรัฐบาลชิงแก่ แต่ก่อนหน้านี้ก็แย้มออกมาถึงความสนใจที่จะขยายผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ๆ สู่ตลาดในไทย ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กไบค์ หรือสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่

“หากมองสภาวะตลาดขณะนี้ บิกไบค์และสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ ยังถือเป็นรถเฉพาะกลุ่มอยู่ แต่อนาคตก็ย่อมต้องขยายตัวมากขึ้น ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ฮอนด้ากำลังศึกษาอยู่ ซึ่งในการเพิ่มไลน์สินค้าของฮอนด้า ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และแน่นอนก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาตลาดรถประเภทนี้เมื่อไหร่ ฮอนด้าก็พร้อมที่จะทำตลาดเช่นกัน” ชินโกะ คิมาตะ กรรมการบรหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัดกล่าว

จากความเคลื่อนไหวของสองค่ายยักษ์ใหญ่รถจักรยานยนต์ในไทย โดยเฉพาะยามาฮ่าที่มีความชัดเจนแน่นอน กับการทำตลาดบิ๊กไบค์ในไทย หรือฮอนด้าที่แม้ะยังตอบแบบสงวนท่าทีอยู่ แต่ก็ยืนยันพร้อมจะทำตลาดเช่นกัน หากตลาดมีความต้องการ

เหตุนี้เมื่อรัฐบาลขิงแก่ประกาศนโยบายชัดเจน ที่จะผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตบิ๊กไบค์ของโลก ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมเป็นกรณีพิเศษ เช่นเดียวกับอีโคคาร์ จึงน่าจะทำให้สองค่ายยักษ์ใหญ่ ที่มีโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ในไทยใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก พร้อมที่จะตอบรับทันทีเช่นกัน

เพิ่มเติม http://www.oknation.net

2011 Kawasaki KFX450R USA Editions

2011 Kawasaki KFX450R USA Editions Picture

Sharing agent DNA with the awful acclaimed KX™450F motocrosser, the KFX450R is attainable to race. Equipped with titanium valves to accumulate reciprocating weight low, the agent is adapted with a awful acknowledging 32-bit agenda ammunition bang (DFI®) arrangement that automatically compensates for temperature or altitude. DFI enhances the KFX450R’s adeptness to construe its four-stroke ability into outstanding thrust, with calmly attainable torque in the low- and medium-rpm ranges.

The fast and reliable KFX450R additionally includes a failing about-face accessory arrangement chip with its five-speed chiral transmission. The KFX450R’s about-face accessory allows riders to bound and calmly extricate themselves from aboriginal about-face chaos, aisle bottlenecks or any added on-track incident, application the accustomed about-face lever, additional a acceptable handlebar army lock-out lever.

2011 Kawasaki KFX450R USA Editions

2011 Kawasaki KFX450R USA Editions Picture

Sharing agent DNA with the awful acclaimed KX™450F motocrosser, the KFX450R is attainable to race. Equipped with titanium valves to accumulate reciprocating weight low, the agent is adapted with a awful acknowledging 32-bit agenda ammunition bang (DFI®) arrangement that automatically compensates for temperature or altitude. DFI enhances the KFX450R’s adeptness to construe its four-stroke ability into outstanding thrust, with calmly attainable torque in the low- and medium-rpm ranges.

The fast and reliable KFX450R additionally includes a failing about-face accessory arrangement chip with its five-speed chiral transmission. The KFX450R’s about-face accessory allows riders to bound and calmly extricate themselves from aboriginal about-face chaos, aisle bottlenecks or any added on-track incident, application the accustomed about-face lever, additional a acceptable handlebar army lock-out lever.

2010 Ducati Multistrada 1200S

Finally unveiled, world preview of the new and eagerly anticipated Multistrada 1200.

Also new for 2010: new “Corse” livery for the 1198, two new Hypermotard 1000evo models and technical advances in the Monster family.

As is tradition prior to the opening of the EICMA show, Ducati has officially revealed the innovations of its 2010 product range.
Dream bikes, the fruit of Italian ingenuity and creativity, and destined to become new points of reference on the international market, are ready to take the spotlight at EICMA 2009, the 67th edition of the International Motorcycle Exhibition, taking place at the Fiera Internazionale di Milano in Rho, from 10 - 15 November

Before the unveiling of the 2010 line-up, the new Ducati Corse logo was presented to the international press, an evolution of the historic brand in the form of a new graphic, following on from the launch of the new Ducati logo at last year’s EICMA show.

A press conference, eagerly anticipated and rich in content, took place immediately prior to the official opening of the trade show. Gabriele Del Torchio, President of Ducati Motor
Holding, met with representatives of the international media to present the company’s recent sporting and commercial results, confirming the Italian manufacturer’s strength and performance, despite the difficulties that the sector is currently experiencing.

2010 Suzuki SFV 650 Gladius

Destined to those who just approach riding, the new Gladius not only impresses through the way it looks, but with the help of a low seat (only 30.9 inches from the ground) and a fuel-injected, twin plug head engine, which is tuned for low-to-mid range torque.

Production costs were kept as low as possible and that implies a little bit of sacrifice on the weight chapter. For example, the trellis frame is made out of steel instead of aluminum. That brings a significant contribution to the 446 lbs wet weight that doesn’t do the Gladius that much good.

* Engine: 645 cc, 4-stroke, 2-cylinder, liquid-cooled, DOHC, 90 V-Twin
* Bore Stroke: 81.0 mm x 62.6 mm
* Compression Ratio: 11.5 : 1
* Fuel System: Fuel Injection
* Lubrication: Wet sump
* Ignition: Electronic ignition (Transistorized)
* Starter: Electric
* Transmission: 6-speed, constant mesh
* Primary Drive Ratio: 2.088 (71/34)
* Final Drive Ratio: 3.067 (46/15)

Online casino entertainment for a biker

This may be a suitable entertainment for bikers, that online casino because playing in an online casino is very fun.

When you have started playing the game, there is a tendency for you to spend any money you have in just one sitting. In this situation, a player must be able to know the term 'manage' all started playing at online casino sites. We must learn how to manage their money when involved in a specific game at online casinos. Because you never know how much or even anything else can you spend in your favorite online gaming.

There are several factors you need to know from a player online before engaging in any casino game.

These factors can help a player to get the joy of playing On line casino without hesitation playing with money.One of factors need to know is how to determine the amount of money will be spent in gambling. Of course, the gamblers have to be smart in handling money because he will be playing for a long time.

Alternate Riding Positions for Comfort

This may very well be something I shouldn't write about. Maybe it's illegal, maybe it's unsafe. But for many years I have used alternate riding positions in order to be comfortable on long motorcycle rides. And with a country as big and empty as Canada, there are a lot of long lonely motorcycle rides.

The worst thing you can do for comfort is remain in a fixed position for many hours without moving. Numbness sets in, in the rear end, and even in the hands and wrists. You can overstress your back and neck. Even if you have a soft pillowy seat and a nice backrest.

It really does not take much moving around to make things more comfortable. At the very simplest level, you could lift your rear off the seat, just enough to allow daylight between your rear and the seat, for just a couple of seconds, and repeat every five minutes. If you start doing this before you start to go numb, you will remain comfortable for a long time. It's easier to do this on some bikes, such as standards, but it can also be done on many cruisers, providing the floorboards are not placed too far forward.

Even this simplest little move may be too difficult for some riders to do safely, I don't really know. I don't ever read about other people doing this much, so maybe it is considered dangerous, or that only a professional should attempt it. I know I can do it any time I want, and not lose control of the motorcycle. I can even do it leaning over in a curve. And I use a few other seating positions that are probably a lot harder. Lifting the rear end is one of the easiest and safest "tricks" I do.

One problem with cruiser motorcycles is that they force you into a single position. It's very hard to ride them standing up, and it is very hard to even slide back on the seat a few inches, because of the ledge between the rear and the front seat. On a standard motorcycle (before the 1980's), the passenger seat was level with the driver's seat, so if you didn't have a passenger, you could slide back as far as you liked.

What a lot of cruiser riders do is add forward mounted footrests so that they can ride with their legs stretched out. That gives another position, but it is only good on long straight stretches without gear changes or braking. That's because usually these highway pegs do not have the foot controls, and so you will never see this type of footpeg offered by the manufacturers. Because of liability problems.

I don't have these forward highway pegs, but one thing I can do instead is to sit on the passenger seat. It does require a large and possibly dangerous movement, and maybe some people would lose control doing it, but in my opinion, a good rider should not have a problem learning to do this. Maybe it should even be a training requirement. Once on the back seat, I can also move my feet to the passenger pegs if I want to, but there are no foot controls. At least I still have the front brake available in an emergency. I never ever sit on the back seat in busy areas or heavy traffic where I am driving defensively. The main difficulty with the back seat is leaning forward to reach the handlebars. If I don't have a windshield, leaning forward from the passenger seat is actually very comfortable, as it just balances the wind at 110 kph. With the windshield on, this particular position is not much use, as it becomes too uncomfortable holding yourself up.

Without the windshield, you can use the wind to good effect. Or you can choose to let it make you tired. I choose to let the wind help me, by leaning forward into it. This takes the weight off your back and seat, and it should also allow you to relax your grip on the handlebars. If you lean back, then you will need to fight the wind for many hours and you will become tired. If it were not for fog, cold, and wet weather, I would never use a windshield. (although sometimes bugstorms are worse than rain!)

Picture: Four riding positions clockwise from the top left.
*Dirt riding, often from a standing position to allow the legs to absorb the bumps.
*Ape hangers, on a cruiser, this bike has highway pegs for good measure. I would not recommend the high handlebars (called apehangers), in any case they are illegal almost everywhere.
*An old fashioned position, lost favour when decent brakes were invented.
*A modern cafe racer, crouched forward. Can be comfortable at higher speeds without a windshield.

Different Opinions on the G20 Summit Riot

In the wake of the G20 summit held in Toronto, there are conflicting headlines in the newspapers, concerning the police actions. I am going to pick four papers from Toronto and contrast their stories, mainly looking at the titles rather than the content. I got the titles from looking at each paper's web page this morning and clicking on the story I saw about the summit controversy,

The Toronto Star:
"Outraged protesters rally against police"
[sub title] "Female protesters strip searched by male officers, detainee says"

The National Post
"Police work was ‘commendable,’ Mayor says"

The Globe and Mail
"Police chief offers no apologies for G20 tactics"

The Toronto Sun
"Anarchists were 'stupid' — Blair" [explanation required: Blair is the police chief]


There is a theory in spreading propaganda that you can get your readers to think a certain way by your choice of title, so I chose only the title rather than get bogged down in the content of the article, which you can read if you want to, by clicking on the links. But don't be surprised if the content does not exactly convey the same message as the title, that's part of the technique.

If this theory is correct, each paper will pick a title to get the readers to think along the lines dictated by its overall editorial approach.

I think it is agreed that the Toronto Star is a liberal, if not left-leaning paper. So their title seems to match their left wing slant, and appears to sympathise with the left wing protesters.

I am pretty sure most people know the "National Post" is a right wing paper, and by definition, would be on the side of the riot police. I am making the assumption that conservatives and right wingers are in favour of "The Man", the police, who are working for the governments and/or the corporations.

The "Globe and Mail" is the most widely respected paper in Toronto, and considered more neutral than the previous two. And the message of the headline, I feel, is somewhat in between the left and right wing views. Their headline manages to simultaneously suggest that apologies were in order, and that none were needed. Maybe you also noticed, the only title that did not quote someone.

The "Toronto Sun" is a tabloid, and tries to appeal to the average working class guy, as you can tell by the scantily clad Sunshine Girls in every paper. Their intended audience is looking for a simple, easily understood opinion.

Incidentally, I am not trying to promote the "Globe and Mail", although I suppose it might look like that from this post. I subscribe to none of these papers, I do not even live in Toronto, and I do not work for the Globe and Mail company. If you feel my assumptions about the Globe and Mail (or any of the other papers) are misguided, your comments are welcome.

James Bond 007 Motorcycle

James Bond 007 - Tomorrow Never Dies
James Bond 007 - Tomorrow Never Dies. ... James Bond - Pierce Brosnan ... Bond's Car BMW 750 iL. BMW R 1200 Motorbike (Borrowed!) Bond's Gadget ...
www.007.info/FactfileTND.asp

Triumph Daytona 600 motorbike - James Bond 007 :: MI6 - The Home ...
Pierce Brosnan as James Bond 007 will now join the ranks of Steve McQueen, Marlon Brando and Clint Eastwood - who have all had a famous Triumph motorcycle
www.mi6.co.uk/.../gaming_eon_daytona600b.php3?t=eon

James Bond 007 Motorcycle
james bond 007 Motorcycle , james bond bmw motorcycle , james bond 007 filme , james bond associated 007 , musique james bond 007


http://www.007museum.com/TOMORROW_NEVER_DIES.htm
http://www.007museum.com/TOMORROW_NEVER_DIES.htm


http://www.shatterhand007.com/ItalyBondShow/ITALYarticle.html
http://www.universalexports.net/Movies/tomorrowneverdies-gadgets.shtml


http://www.mi6.co.uk/sections/articles/gaming_eon_daytona600.php3?t=&s=articles


http://www.desktoprating.com/wallpapers/james-bond-007-wallpaper-1280x1024.htm
http://www.futuregamez.net/ps2games/bondeon/review.html

James Bond 007 Motorcycle

James Bond 007 - Tomorrow Never Dies
James Bond 007 - Tomorrow Never Dies. ... James Bond - Pierce Brosnan ... Bond's Car BMW 750 iL. BMW R 1200 Motorbike (Borrowed!) Bond's Gadget ...
www.007.info/FactfileTND.asp

Triumph Daytona 600 motorbike - James Bond 007 :: MI6 - The Home ...
Pierce Brosnan as James Bond 007 will now join the ranks of Steve McQueen, Marlon Brando and Clint Eastwood - who have all had a famous Triumph motorcycle
www.mi6.co.uk/.../gaming_eon_daytona600b.php3?t=eon

James Bond 007 Motorcycle
james bond 007 Motorcycle , james bond bmw motorcycle , james bond 007 filme , james bond associated 007 , musique james bond 007


http://www.007museum.com/TOMORROW_NEVER_DIES.htm
http://www.007museum.com/TOMORROW_NEVER_DIES.htm


http://www.shatterhand007.com/ItalyBondShow/ITALYarticle.html
http://www.universalexports.net/Movies/tomorrowneverdies-gadgets.shtml


http://www.mi6.co.uk/sections/articles/gaming_eon_daytona600.php3?t=&s=articles


http://www.desktoprating.com/wallpapers/james-bond-007-wallpaper-1280x1024.htm
http://www.futuregamez.net/ps2games/bondeon/review.html

James Bond 007 Motorcycle

James Bond 007 - Tomorrow Never Dies
James Bond 007 - Tomorrow Never Dies. ... James Bond - Pierce Brosnan ... Bond's Car BMW 750 iL. BMW R 1200 Motorbike (Borrowed!) Bond's Gadget ...
www.007.info/FactfileTND.asp

Triumph Daytona 600 motorbike - James Bond 007 :: MI6 - The Home ...
Pierce Brosnan as James Bond 007 will now join the ranks of Steve McQueen, Marlon Brando and Clint Eastwood - who have all had a famous Triumph motorcycle
www.mi6.co.uk/.../gaming_eon_daytona600b.php3?t=eon

James Bond 007 Motorcycle
james bond 007 Motorcycle , james bond bmw motorcycle , james bond 007 filme , james bond associated 007 , musique james bond 007


http://www.007museum.com/TOMORROW_NEVER_DIES.htm
http://www.007museum.com/TOMORROW_NEVER_DIES.htm


http://www.shatterhand007.com/ItalyBondShow/ITALYarticle.html
http://www.universalexports.net/Movies/tomorrowneverdies-gadgets.shtml


http://www.mi6.co.uk/sections/articles/gaming_eon_daytona600.php3?t=&s=articles


http://www.desktoprating.com/wallpapers/james-bond-007-wallpaper-1280x1024.htm
http://www.futuregamez.net/ps2games/bondeon/review.html

ยามาฮ่า'ซูเปอร์แบรนด์2010'

ยามาฮ่าคว้ารางวัล "ซูเปอร์แบรนด์แห่งปี"จากเวทีซูเปอร์แบรนด์ 2010 ตอกย้ำแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ ชี้ชนะใจกรรมการจากการสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดตรงกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

นายฟูมิอากิ นางาชิมา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ยามาฮ่าตอกย้ำแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ด้วยรางวัลชนะเลิศ ซูเปอร์แบรนด์ 2010 รางวัลที่ได้รับการการันตีด้วยผลสำรวจ และวิจัยจากผู้บริโภคและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกว่า 2,500 บริษัทในประเทศไทยเพื่อนำเสนอแบรนด์ที่เป็นที่สุด โดยยามาฮ่าเป็นหนึ่งเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็น "ซูเปอร์แบรนด์แห่งปี" จากบริษัทที่เข้าร่วมทั้งหมดกว่า 6,280 แบรนด์ใน 79 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งแบรนด์ไทย และแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพของแบรนด์ที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบรับความต้องการทุกการใช้งานของผู้บริโภคแล้ว ยามาฮ่ายังมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ และเป็นผู้นำด้านการออกแบบด้วยดีไซน์ลงตัวสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผู้นำในการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่ทุกกลุ่มเป้าหมาย

"ยามาฮ่ามีความภูมิใจเป็นอย่างมากกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ โดยยามาฮ่าพร้อมมุ่งมั่นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา เพื่อการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีทางด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถนำความพึงพอใจของลูกค้า และนำหน้าด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ นอกจากการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์แล้วยามาฮ่ายังตระหนักถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญด้วยการจัดกิจกรรมการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นรางวัลซูเปอร์แบรนด์แห่งปีที่ได้รับในปีนี้นั้น ถือว่าเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จจากความพยายามในการสร้างสรรค์แบรนด์ให้มีความโดดเด่นและแข็งแกร่ง และมีความชัดเจนในฐานะผู้นำที่มีความแตกต่าง พร้อมกันนี้ยามาฮ่าพร้อมประกาศรักษามาตรฐานแบรนด์คุณภาพเพื่อครองใจผู้บริโภคต่อไป"

สำหรับยามาฮ่าได้สร้างกระแสความแตกต่าง และตื่นตัวในการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ยามาฮ่าให้กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน และได้รับการตอบรับมากมาย จนทำให้ยามาฮ่าเป็นที่กล่าวถึงด้วยความชื่นชมทั้งในวงการอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ และจากผู้นำธุรกิจอื่นๆ รวมถึงจากแวดวงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำให้ยามาฮ่าเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยมต่อทัศนคติของกลุ่มผู้ใช้ และมียอดขายที่ดีเกินความคาดหมาย และตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกของยามาฮ่าอีกด้วย ซึ่งรางวัลดังกล่าวสามารถการันตีให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดแบรนด์ส่งผลให้ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสายต่างๆ

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com

ยามาฮ่า'ซูเปอร์แบรนด์2010'

ยามาฮ่าคว้ารางวัล "ซูเปอร์แบรนด์แห่งปี"จากเวทีซูเปอร์แบรนด์ 2010 ตอกย้ำแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ ชี้ชนะใจกรรมการจากการสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดตรงกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

นายฟูมิอากิ นางาชิมา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ยามาฮ่าตอกย้ำแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ด้วยรางวัลชนะเลิศ ซูเปอร์แบรนด์ 2010 รางวัลที่ได้รับการการันตีด้วยผลสำรวจ และวิจัยจากผู้บริโภคและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกว่า 2,500 บริษัทในประเทศไทยเพื่อนำเสนอแบรนด์ที่เป็นที่สุด โดยยามาฮ่าเป็นหนึ่งเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็น "ซูเปอร์แบรนด์แห่งปี" จากบริษัทที่เข้าร่วมทั้งหมดกว่า 6,280 แบรนด์ใน 79 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งแบรนด์ไทย และแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพของแบรนด์ที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบรับความต้องการทุกการใช้งานของผู้บริโภคแล้ว ยามาฮ่ายังมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะ และเป็นผู้นำด้านการออกแบบด้วยดีไซน์ลงตัวสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผู้นำในการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่ทุกกลุ่มเป้าหมาย

"ยามาฮ่ามีความภูมิใจเป็นอย่างมากกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ โดยยามาฮ่าพร้อมมุ่งมั่นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา เพื่อการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีทางด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถนำความพึงพอใจของลูกค้า และนำหน้าด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ นอกจากการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์แล้วยามาฮ่ายังตระหนักถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญด้วยการจัดกิจกรรมการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นรางวัลซูเปอร์แบรนด์แห่งปีที่ได้รับในปีนี้นั้น ถือว่าเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จจากความพยายามในการสร้างสรรค์แบรนด์ให้มีความโดดเด่นและแข็งแกร่ง และมีความชัดเจนในฐานะผู้นำที่มีความแตกต่าง พร้อมกันนี้ยามาฮ่าพร้อมประกาศรักษามาตรฐานแบรนด์คุณภาพเพื่อครองใจผู้บริโภคต่อไป"

สำหรับยามาฮ่าได้สร้างกระแสความแตกต่าง และตื่นตัวในการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ยามาฮ่าให้กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจน และได้รับการตอบรับมากมาย จนทำให้ยามาฮ่าเป็นที่กล่าวถึงด้วยความชื่นชมทั้งในวงการอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ และจากผู้นำธุรกิจอื่นๆ รวมถึงจากแวดวงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำให้ยามาฮ่าเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยมต่อทัศนคติของกลุ่มผู้ใช้ และมียอดขายที่ดีเกินความคาดหมาย และตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกของยามาฮ่าอีกด้วย ซึ่งรางวัลดังกล่าวสามารถการันตีให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดแบรนด์ส่งผลให้ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสายต่างๆ

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com

Answering a Reader Question #83

Anonymous Wrote:

I understand commercial/print models need to have their own wardrobe for shoots, but do fashion/editorial models ever need to bring an outfit, shoes, or other clothing articles to gigs?
Thank you for all your advice! :) 

Hey, Anonymous! Thanks for the question and kind words--very much appreciated! When it comes to fashion/editorial models, there may be times when models are required to bring one or two items of their own for the shoot. However, most times the nature of these kinds of shoots have all those items covered (big budgets, top clients, large crew, etc.) so chances are the need to supply a shoot with your own stuff for editorial and fashion work will be minimal. It definitely varies from situation to situation--it's always best to be prepared for anything!

I do want to add that not all commercial/print models have to bring their own wardrobe/items to their shoots all the time. Regardless of the type of modeling one does, the decision as to whether a model needs to bring his/her own things solely depends on the nature of the shoot, who the client is, the size of the crew, etc. For example, if the client you are shooting for has a wardrobe stylist on the payroll (and a good budget to work with), they will do all the shopping for the shoot, which means the model will be off the hook (but even then they may ask you to bring a few things just in case--most times they don't even end up using your stuff but it's always best to be over prepared than under prepared). Smaller shoots that don't have a wardrobe stylist usually means the photographer/client will have to make the model responsible for the wardrobe since they do not have anyone assigned to oversee that part of the production.

In my experience, the one item I am regularly asked to bring are shoes. Or if it is a business themed shoot, they'll ask me to bring a nice, black suit jacket. So it varies but the items are definitely not the kind that will break your bank account.

The Long Way Round, Compared to What?

On Sunday, I was talking about the movies "The Long Way Round" and "The Long Way Down". A friend of mine, who has given up motorcycling as his years advanced, said to me that he thought "The Long Way Round" was actually quite easy, with the support vehicles and crew, and all the money. And that he was more impressed with a trip I made back in 2004, where I went alone on my motorcycle, leaving in late February, and going to Loreto, on the Baja Peninsula in Mexico, and back.

In "The Long Way Round", a couple of movie actors, Charley Boorman and Ewan McGregor, travel from the U.K. across Europe and Asia through Mongolia, and Siberia to Alaska, Canada, and then across America to return home to the UK. And they made a documentary film of their adventure.

http://en.wikipedia.org/wiki/Long_Way_Round

And one of several bits on Youtube: Mongolia


I myself was pretty impressed with Ewan and Charley's trip. And although I really enjoyed my own trip to Baja, it was very unstressful compared to Mongolia and Siberia.

The significant differences would be in the amount of experience I had, and in the difficulty of the trip. In my opinion, the amount of money and presence of a support crew and planning staff do not make the trip that much easier. I had experience doing the coast-to-coast North American trip, and all the money I really needed for comfort, and I never missed having a support crew. Ewan and Charley had practically no experience at all travelling long distances by motorcycle, they didn't even have experience in riding motorcycles, and their bikes were also new and unfamiliar.

I was on paved roads virtually all the time. They were in entire countries where they hardly saw a paved road, and often no roads at all. I was in only three countries, and all three were very motorcycle friendly. Ewan and Charley were in Mongolia, and Russia, and a lot of other places where they do not try to make it easy for tourists. And their trip went entirely round the world, while mine stayed on one continent.

I was amazed by the sheer audacity, or recklessness, of just heading out there on motorcycles and going around the world, with their level of experience. (basically none, at the start) It was a few years since I saw it, and honestly I could not remember whether they took support vehicles or not. Must be my memory going on me.

Ewan and Charley ran into a lot of difficulties on their trip, but kept going regardless. Ewan kept falling down, because he was riding a very heavy bike off road. Roads were blocked by rivers. Bad weather. Accidents.

My own trip was like a stroll in the park. I had all good weather, and that was not just dumb luck. I took full advantage of accurate weather tracking, now available to anyone with a TV, all over North America. I was riding with fully tested gear and equipment, including the motorcycle and the clothes. I took advantage of excellent roads, and good facilities all the way down, even in Mexico. I slept comfortably in motels every night, and ate at friendly restaurants with familiar food. My trip required minimal planning, actually none at all, other than an attempt to learn a little Spanish, and reseaching requirements on crossing the Mexican border.

I suppose with enough bad luck, I could have been faced with even worse difficulties than Ewan and Charley. I could have had an accident, I could have frozen in a blizzard, or been robbed at knifepoint, or even killed. Yes, every trip has the potential of turning into a nightmare. But on the other hand, when you have done similar trips dozens of times, you mostly eliminate those random chance problems. There were very few times on the trip when I doing something new that I had no experience at all in.

In one place, half of the road in Mexico had collapsed, washed away, and there were no warning signs posted, or cones or flares. Nothing. A couple of hundred metres of road (again in Mexico) were under water. I avoided both those obstacles by luck or experience. I never got the runs (Montezuma's Revenge) for eating local tacos. I never got hassled by corrupt cops. Only one person even asked for money, I see more panhandling than that in Kitchener.

I encountered a couple of other motorcyclists from Texas whose bikes had both broken down. My bike did not break down, and maybe I can take credit for that, maybe it was just a really good bike (1992 BMW K1100LT) that I had already driven for 90,000 km basically with no reliability issues, or accidents. Another motorcyclist, on a bike similar to mine died in an accident the day I was there and I met some of his companions after the accident. I suppose that could as easily have been me.

Some of the most difficults moments for Ewan and Charley are not only with the obstacles and dangers, but with each other. I never had that problem on the Baja trip, as I was alone, or I was free to leave anytime the other people's agenda didn't suit me. And I didn't have to worry about somebody else crashing and ending the trip for me.

Actually, what Ewan and Charley did was so monumental, that my own trip is kind of unworthy in comparison.

Pics: From My Baja trip. Also in this album, with precise GPS locations if you care to check them out.

http://picasaweb.google.ca/rbezeau/Baja#

How can one woman simultaneously satisfy 12 men?

Check this out! Those are huge! Now that's my kinda gal!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

How can one woman simultaneously satisfy 12 men?

Check this out! Those are huge! Now that's my kinda gal!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

How can one woman simultaneously satisfy 12 men?

Check this out! Those are huge! Now that's my kinda gal!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

How can one woman simultaneously satisfy 12 men?

Check this out! Those are huge! Now that's my kinda gal!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Queers Against Israeli Apartheid Back in the Pride parade

Recently, I was sent a copy of an email by an activist friend of mine, which was critical of the group "Queers Against Israeli Apartheid". I had no interest in it initially, but on second thought I decided to look into this unusual development.

This group was going to be banned from participating in the upcoming Toronto Gay Pride parade, which has become a major event. But after some protests, the ban was overturned.

My question is why are the gays, lesbians and transsexuals supporting Palestinians, while Palestinians themselves apparently discriminate against homosexuality? At the same time, my understanding is that Israelis were very tolerant.

After I read a bit on this web page, explaining the origin of this group

http://queersagainstapartheid.org/who/

more questions arise and some answers.

The Israeli treatment of Palestinians is probably worse in many ways than the Palestinian discrimination against homosexuals. Not being a homosexual or a Palestinian myself, I am not an expert on these issues, and I may not fully understand the discrimination each one faces. And furthermore, maybe I'm using the incorrect terms such as "queer" instead of LGBT. In which case I apologize, but I am not anti-gay/lesbian/bisexual/transsexual/queer. I am simply for universal human rights and freedom.

Homosexuals, even in Islamic countries, do not have their rights taken away unless they are "discovered", and even then, their entire families are not punished by having their houses bulldozed. Homosexuals are not marked from birth to be denied housing and free access to jobs. Homosexual leaders are not regularly targeted by missile attacks in densely populated areas.

On the other hand, I am told that homosexuality is something that has been around a long time, and apparently homosexuals exist all over the world, and throughout history, in many antagonistic cultures.

I find it interesting that a homosexual group such as this would take the trouble to speak out in support of other people (like the Palestinians) who have been denied their rights, even though most Palestinians may not be queer themselves, and may discriminate against homosexuals.

Meanwhile Israel has apparently been the only country in the middle East to openly tolerate homosexuals, while gays are persecuted in the Islamic Arab countries.

Here is Wikipedia on Israel, Palestine and homosexuals
http://en.wikipedia.org/wiki/LGBT_rights_in_Israel

Meanwhile, this right wing web page calls gay marriage in Israel "Worse then the holocaust" and "far worse to allow the homosexualization of the Holy Land than to give back land to the Arabs" I guess Rabbi Levin thinks it is better to give the Holy Land back to the Arabs than to allow homosexuality.

http://www.lifesitenews.com/ldn/2006/nov/06112107.html

Also, homosexuals can still be (illegally) murdered in Israel, presumably by Orthodox Jews:

http://www.time.com/time/world/article/0,8599,1914391,00.html

Then, in a weird turnaround, Israeli settlers plan "Jewish Pride" parades through Arab neighbourhoods in retaliation for "Gay Pride" parades in Israel.

http://www.alternet.org/world/140934/right-wing_israeli_extremists_using_gay_rights_to_justify_incursions_into_arab_villages/

And a long article about the politicization of homosexuality, and how it is affected by the occupation of Palestine.

http://www.guardian.co.uk/world/2006/oct/02/israel.gayrights

And furthermore, a documentary on the Iranian practice of forcing sex change operations on homosexuals.

http://current.com/news-and-politics/76312142_transsexuality-in-iran.htm

It's hard for me to draw any conclusions, but still, I find it interesting that Gays, who have plenty of problems of their own, are not so self absorbed that they can't also express support for fellow human beings who are suffering from discrimination for a different reason.


Picture: Israeli gay pride parade

Wiley De and Sam Elliott Comparison

Some of you know who this is.
Left half of the photo snagged from Dave Mickelson's Facebook Photos.


Was someone blow drying Willey's hair? Was he moving a a great clip?. He looks like he means business!

Wiley De and Sam Elliott Comparison

Some of you know who this is.
Left half of the photo snagged from Dave Mickelson's Facebook Photos.


Was someone blow drying Willey's hair? Was he moving a a great clip?. He looks like he means business!